วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2555

IUI ครั้งแรกถึงขั้นฉีดเชื้อแล้วค่ะ

ก่อนอื่นขอบอกว่าเป็นความบังเอิญ ความมหัศจรรย์หรืออื่นใดก็แล้วแต่
ตามที่ได้เล่าแล้วในภาคก่อนๆ 
คาดไม่ถึงเลยว่าจะได้ถึงขั้นตอนฉีดเชื้อของกระบวนการ IUI 
เพราะจากประวัติการรักษา และการวินิจฉัยของแพทย์ไม่สามารถปฏิสนธิได้เอง 
เพราะภาวะไข่ไม่โต ท่อนำไข่ตีบ เลยมีความหวังกับการทำเด็กหลอดแก้วเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
แต่ขอขอบคุณพรหมลิขิต สวรรค์บันดาล หรืออื่นใดก็แล้วแต่ที่ทำให้มีวันนี้ 
วันที่คุณหมอบอกว่าสามารถฉีดเชื้อได้ 
เนื่องจากไข่โต ผนังมดลูกสวย 
วันนี้ก็คือวันจันทร์ที่ 10 กันยายน 2555 เวลา 08.00 น. 
มาถึงโรงพยาบาลจุฬาพร้อมคุณสามี ได้คิวที่ 17 เชียววันนี้ 
แต่ก็รอไม่นานเพราะแต่ละเคสนั้นถึงกระบวนการที่แตกต่างกันไป 
วันนี้มีคนมารอฉีดเชื้อประมาณ 5 คน 
พอหลังจากทำประวัติเสร็จก็รับกระปุกมาใส่เชื้อ ให้สามีเก็บเชื้อเองโดยมีห้องส่วนตัว 
เปิดหนังการ์ตูน....ให้ดู 5555+  
หลังจากนั้นก็รอ 1 ชั่วโมงกว่า เพื่อรอปั่นเชื้อ
 และสกัดเชื้อตัวเก่งๆ ออกมา รอเข้าคิวฉีดเชื้อได้คิวที่ 3 ห้อง IUI 3 
คุณหมอเดินเข้ามาถามว่ามาทำไรค่ะ 
เคยทำไหมค่ะ เริ่มแล้วนะค่ะ 5555+ บอกหมดเลย 
ทายาเย็นๆ นะค่ะ ใส่เครื่องมือนะค่ะ เจ็บไหมค่ะ เสร็จแล้วค่ะ เรียบร้อยไม่รู้สึกอะไรเลย 
คุณพยาบาลเดินมาบอกว่านอนพักนิ่งๆ 30 นาทีนะค่ะ 
นัดเจาะเลือดดูฮอโมนต์ HCG วันที่ 26 กันยายน 55 
แต่ถ้าประจำเดือนมาก่อนให้มาพบแพทย์ภายใน 3 วันที่ประจำเดือนมา 
นอนพักอยู่อย่างนั้นนาน 30 นาที ก็ลุกขึ้นมา 
เอามือจับที่ก้น โอเค..ไม่มีอะไรไหลออกมา เป็นอันว่าน่าจะใช้ได้
 เปลี่ยนเสื้อผ้าเดินทางกลับบ้าน ที่เหลือก็รอลุ้นว่าจะโห่...หรือจะฮิ้วววว... 555+
พยาบาลที่หน้าห้องตรวจบอกว่า "กลับบ้านได้แล้วค่ะ ขอให้โชคดีนะค่ะ"
ขอบคุณค่ะ.....
กลับมาถึงบ้านตอน 11 โมง จัดการซ้ำเองด้วยอะ  
นอนหลับต่อเลยตื่นมา 14.00 น.  หิวมว๊ากกกกกกกก...
ที่เหลือก็ขอให้ป้าแดงลาพักร้อนไปยาวๆ สักเก้าเดือนเลยนะค่ะ สาธุ๊ๆๆ

สรุปค่าใช้จ่ายประจำวันนี้
ค่าคัดเชื้อ 1,500 บาท
ค่าฉีดเชื้อ 500 บาท
รวม 2,000 บาท

...................................................................

วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2555

เริ่มมีความหวังอีกครั้ง^^

เหตุการณ์วันเสาร์ที่ 8 กันยายน 55 ไปโรงพยาบาลจุฬาแต่เช้า 
ออกจากบ้าน 06.00 น. คุณหมอนัด 07.00 น. 
ไปถึงตึกยังไม่เปิดเลย อ้าวไหงงั้น...ตึกเปิด 07.30 น. รอต่อปายยยย...

รับบัตรคิวรอบเช้าได้คิวที่ 2 สำหรับวันนี้ 
เปลี่ยนชุดเตรียมอัลตราซาวน์จากที่เราได้เล่าไปแล้วตอนก่อน 
คือวันนี้มาเพื่ออัลตราซาวน์ดูว่าไข่ที่ซาวน์ได้ 15 mm นั้น
เป็นไข่จิงๆ หรือเป็นช็อกโกแลตซีสกันแน่ 

ผลสรุปออกมาแล้วว่าเป็นไข่ที่โตจิงๆ เหลือเชื่อเหลือเกินเป็นไปได้อย่างไรนี่ 
มีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วขนาด 24 mm 
ส่วนซีสที่เราตามหานั้นก็ยังคงมีอยู่ขนาด 17 mm 
ซึ่งไม่มีผลอะไรมากนักเพราะยังมีขนาดเล็กอยู่ 
และจากผลการอัลตราซาวน์วันนี้

สรุปได้ว่า 
ได้ไข่สมบูรณ์มากๆ 1 ใบ ขนาด 24 mm 
ผนังมดลูกหนา 11.4 mm ดีมาก--คุณหมอบอก 
สามารถเริ่มกระบวนการ iui ได้ 

ส่วนท่อนำไข่นั้นคุณหมอแจ้งว่ามันเพียงแค่ตีบเท่านั้น 
ไม่ถึงกันตันซะทีเดียว และการตีบนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ระหว่างการฉีดสีดูท่อนำไข่
 เพราะการฉีดสีเข้าไปแล้วเกิดการเจ็บปวด ร่างกายของเราจะมีปฏิกิริยาต่อต้ายโดยการหดตัว
 ซึ่งเป็นไปได้ว่าเมื่อท่อนำไข่ถูกกระตุ้นและได้รับความเจ็บปวดทำให้ท่อนำไข่ตีบได้ 
สรุปท่อนำไข่ไม่ตัน..สีสามารถผ่านออกได้เพียงแต่มีปริมาณที่น้อยเท่านั้น 
วันนี้เลยได้ยา PREGNYL 5000 iu มา เพื่อฉีดเข้ากล้ามเนื้อเวลา 20.00 น. 
ซึ่งต้องไปฉีดเองที่โรงพยาบาล/คลินิกใกล้บ้านได้เลย 
(ขอบขอบคุณพี่โอ๋ พยาบาลห้องเนอสเซอรี่ โรงพยาบาลเมืองสมุทรปากน้ำค่ะ 
ที่กรุณาสละเวลามาฉีดให้น้องคนนี้) 
เพื่อเป็นการกระตุ้นไข่ให้สุกภายใน 36 ชั่วโมง 
ตามที่คุณหมอคาดการณ์และ
เข้ารับการฉีดเชื้อวันจันทร์ที่ 10 กันยายน 55 เวลา 07.30 น.  
ต่อปายยยยยย

ค่าใช้จ่ายประจำวันนี้
ค่าอัลตราซาวน์ 400 บาท
ค่ายา PREGNYL 5000 iu  569 บาท
ค่าจอดรถ 20 บาท
ค่าทางด่วน 90 บาท
.......................................................................................

วันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2555

ผลการพบหมอเพื่อ "รักษาภาวะการมีบุตรยาก"

วันนี้ 6 กันยา 55 วันที่ 12 ของรอบคุณหมอโรงพยาบาลจุฬานัดเพื่อทำการอัลตราซาวน์
ดูขนาดของไข่ หลังจากกินยากระตุ้นมาแล้ว 5 วัน วันละ 1 เม็ด 
ผลการอัลตราซาวน์วันนี้คือ ได้ไข่จำนวน 4 ใบ แต่ 2 ใบจำนวนเล็กมาก เลยไม่ได้ทำการวัดขนาดดู 
ใบที่ 3 ได้ยินคุณหมอที่ซาวน์บอกว่า 19 mm แต่ในใบรายงานกลับเขียนเพียงแค่ 9 mm 
ส่วนใบที่ 4 ขนาด 15 mm และก็รอพบปรึกษาคุณหมอห้องถัดไป 
ซึ่งคำตอบที่ได้จากห้องนี้ 
ทำให้เกิดความผิดหวังอย่างแรง 
เพราะจากการตรวจและการประวัติการรักษาครั้งก่อนแต่เดิมมาประวัติการผ่าตัด 
การฉีดสี การตรวจเชื้อ สรุปได้ดังนี้ คือ 
"ไม่สามารถมีบุตรเองได้ต้องอาศัยการทำเด็กหลอดแก้วเพียงอย่างเดียว" 
ซึ่งเกิดการปัญหา หลายๆ ปัจจัยด้วยกันคือ
1. รังไข่มีช็อคโกแลตอยู่เป็นทุนอยู่แล้ว
2.ท่อนำไข่ข้างที่มีรังไข่ "ตัน" 
(ไม่ตันซะทีเดียวแต่เชื้อไม่สามารถวิ่งผ่านได้ ถึงผ่านได้ก็น้อยมาก)
3.ไข่ที่ได้รับการผสมไม่สามารถมาฝังตัวในมดลูกได้ 
อาจเกิดการฝังตัวที่ปีกมดลูก เกิดภาวะการท้องนอกมดลูกได้
4.ไข่ที่ถูกกระตุ้นแล้วก็ยังไม่โตพอที่จะผสมได้

คุณหมอนัดอีก 2 วัน เพื่อตรวจอัลตราซาวน์ซ้ำ เพราะว่าไข่ใบที่ 15 mm  
ไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นไข่จิงๆ หรือเป็นขนาดของถุงน้ำรังไข่ที่มีเป็นทุนอยู่แล้วขนาด 14 mm 
ที่มีการส่งต่อประวัติการรักษามา ถ้าเป็นไข่จิงๆ อีก 2 วันข้างหน้าขนาดจะต้องโตขึ้นถึงขนาด 19-20 mm แต่ถ้ายัง 15 mm ไม่เปลี่ยนแปลง เป็นอันแน่นอนว่าถุงน้ำรังไข่คือ "Chocolate Cyst" นั่นเอง
แต่คุณหมอได้มีการแนะนำให้ทำเด็กหลอดแก้วเนื่องจาก 
การทำ IUI มีเปอร์เซ็นต์เพียงน้อยนิดที่จะประสบความสำเร็จเพราะปัญหานั้นมากมายเหลือเกิน 
แต่ถ้าจะลองก่อนก็ได้นะ แต่ต้องมาซาวน์ดูขนาดของไข่ก่อนว่าโตพอที่จะทำการฉีดเชื้อได้ 
คุณหมอแนะนำอีกอย่างคือ ให้ทำการผ่าตัดส่องกล้องเพื่อดูภาวะต่างๆ ของมดลูก รังไข่
 และท่อนำไข่เพื่อความชัดเจนมากกว่าการอัลตราซาวน์ 
เพราะการฉีดสีไม่สามารถบอกได้ว่าท่อนำไข่ตันด้วยสาเหตุใด 
ตันที่เกิดการการตีบของท่อนำไข่ หรือตันเพราะเกิดจากผังผืดยึดเกาะกันแน่ 
และดูว่ารังไข่ข้างขวานั้นถูกตัดแบบถอนรากถอนโคนเลยหรือว่าเพียงการผ่าตัดส่วนที่เสียไปเท่านั้น 
ซึ่งจะทำให้มีผลต่อการรักษาต่อไป 

การผ่าตัดส่องกล้องเป็นการผ่าตัดเจาะหน้าท้องบริเวณสะดือแล้วใส่เครื่องมือ 
มีการวางยาสลบ นอนพักโรงพยาบาล 1 วัน ปิดพลาสเตอร์กันน้ำ กลับบ้านได้ 
หยุดพัก 3-4 วัน สามารถทำงานได้ตามปกติ ค่าใช้จ่ายไม่เกิน 10,000 บาท 
ส่วนการทำ IVF "เด็กหลอดแก้ว" 
ขั้นแรกจะต้องทำการเข้าร่วมโครงการก่อน 
และนัดมาอบรมตามวัน-เวลา ที่กำหนด
เพื่อเป็นการให้ความรู้ผู้ที่ประสงค์จะรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยวิธีนี้ 
ส่วนรายละเอียดคุณหมอบอกว่าต้องเข้าร่วมอบรมแล้วจะชี้แจงต่อไปค่ะ

--บทสรุปของวันนี้--
กลับบ้านมาด้วยความเศร้าใจ ยังเกิดความสงสัยที่ยังไม่ได้ถูกอธิบายให้เข้าใจเลย ....

ปล.ค่าใช้จ่ายวันนี้ 400 บาท (ค่าอัลตราซาวน์)
     ค่าทางด่วน 90 บาท
     ค่าจอดรถ  60  บาท
      รวมทั้งสิ้น 550 บาท...........

วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2555

4 วัน 3 คืน ในโรงพยาบาล...

หลังจากรถเข็นผู้ป่วยได้เคลื่อนย้ายมาจากห้องพักฟื้น 
ทุกอย่างดูสดใสขึ้นทันที 
แต่สิ่งที่ปวดร้าวที่สุดคือการเคลื่อนย้ายจากรถเข็นผู้ป่วยมายังเตียงผู้ป่วย 
ซึ่งตอนนั้น ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย 
อาการเวียนหัวเข้าครอบงำอย่างหาที่สุดมิได้ 
อาการนี้มันจะหายไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ 
ทุกคนทั้ง คุณพ่อ คุณแม่ คุณสามี พยายามลุ้นเราอย่างสุดชีวิต 
บอกคุณพยาบาลให้ยกเบาๆ หน่อยค่ะ 
หลังจากที่ได้ย้ายมาอยู่ที่เตียงผู้ป่วยแล้ว 
ทุกอย่างก็ถูกปิดฉากลงด้วยความอ่อนเพลีย 
ขณะนั้นเวลา 18.30 น. 
รู้สึกตัวตื่นมาก็เมื่อพยาบาลมาวัดความดัน วัดไข้ 
พอตื่นขึ้นมาก็ร้องเวียนหัวๆๆๆ จะอาเจียนๆๆ 
พอจะโก่งคออาเจียน โอ้ยยๆๆ เจ้ากรรม ปวดท้องอย่างรุนแรง 
เป็นอันว่าการอาเจียนไม่ประสบความสำเร็จ พอจะโก่งคอก็เจ็บท้องน้อยขึ้นมาทันที
 เอาวะไม่อ้วกก็ได้ นอนๆๆ ทีนี้อาการปวดคอมาเยอะมากกก 
ทนไม่ไหวเลยต้องขอยาแก้ปวด ยาชา ยาแก้อักเสบ ขอๆๆๆๆ ทุกอย่างที่สามารถให้ได้ 
แต่ยาที่ได้ถูกใส่ให้ทางสายน้ำเกลือ เหมือนกับว่ามันไม่ออกฤทธิ์เลย อย่างไงอย่างงั้น 
เพราะไม่ได้ทำให้ความรู้สึกที่มีหายไปเลย 
เอาวะ...ทางเลือกทุดท้าย ข่มตาหลับๆๆ  
คุณสามีก็คอยลุกดูๆ เป็นไงบ้าง 
พลอยไม่ได้ทั้งคืนไปด้วยกัน
 พอเราตื่นขึ้นมามองไปที่โซฟาก็เห็นคุณสามีลืมตาแป๋วมองเราตลอด 
พอผ่านไป 1 ชั่วโมง พยาบาลมาอีกแล้ว สรุปจะปลุกเราทั้งคืนไหมเนี่ย วัดความดัน วัดไข้ 
เสร็จก็นอนต่อ แต่ที่นี้นอนไม่หลับเลย 
กดออด 1 ครั้งขอยานอนหลับ พยาบาลบอกว่าให้แล้ว ไหงไม่หลับๆ อย่ามาหลอก นอนก็นอน 
กดออดอีกครั้งที่ 2 ขอยาแก้ปวดเริ่มมีอาการปวดท้อง จี๊ดๆๆ ชาๆๆ 
หมดแรงหลับต่อเพราะฤทธิ์ยา พยาบาลมาวัดความดัน และวัดไข้ทุก 1 ชั่วโมง 
สรุปคืนแรกของการนอนโรงพยาบาลหลับๆ ตื่นๆ ทั้งคืน
 เช้าเวลา 06.00 น. พยาบาลก็มาวัดไข้ วัดความดันตามปกติ
 มีการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เราด้วย 
นอนเหมือนไม่มีความรู้สึกอยู่บนเตียงผู้ป่วย  
ทุกอย่างถูกดำเนินไปอย่างเรียบร้อย 
ท่ามกลางสายที่ระโยงระยางเต็มไปหมด 
สายน้ำเกลือถูกกดทับทำให้เลือดไหลออกมาตามสาย 
ก็ทำได้แค่นอนมอง 
ไม่มีแรงแม้แต่จะยกแขนขึ้น
ต้องให้คุณสามีมาช่วยยกแขนชูขึ้นจนเลือดไหลกลับ
แล้วนอนต่อ น้ำเกลือค่อยๆ หยดลงมาจากขวดอย่างช้าๆ 
ท้องเริ่มมีอาการปวดแบบจุกๆๆ เริ่มขยับเขยือนตัวไม่ได้ 
อาหารเช้าวันนี้ยังถูกงดต่อไปอีก 
อยากลงไปเข้าห้องน้ำก็ทำไม่ได้ รู้สึกว่าเตียงผู้ป่วยที่นอนอยู่สูงมาก ลงยังไงวะเนี่ย 555+  
คุณพยาบาลเข้ามาเลยรีบบถามเลยว่า "เมื่ไหร่ทานข้าวได้ค่ะ" 
พยาบาลบอกว่ารอหมอมาตรวจก่อนค่ะ
เวลา 09.00 น. คุณหมอมาแล้วววว มาพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้ม 
แต่มาแจ้งข่าวร้าย.......ผลการผ่าตัดเป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี 
ได้ทำการ "ตัดรังไข่ข้างขวาออกทั้งข้างเพราะเนื้อของ Chocolate Cyst  
กินเนื้อรังไข่ไปหมดเลย ไม่สามารถเลาะออกได้ 
จึงต้องทำการตัดรังไข่ออกทั้งหมด" ย้ำ ตัดรังไข่ออกทั้งหมด"  
นี่ข่าวดีหรือข่าวร้ายเนี่ย???  
งง สับสน อยู่พักนึง ถามอย่างเร็วว่าแล้วจะมีบุตรได้ไหมค่ะ 
หมอก็ตอบว่าเร็วเหมือนกันว่า "มีได้ครับ แต่ยากหน่อย"
 อ้าวๆๆ เป้าหมายหลักเลยนะนั่น แล้วคุณหมอก็บอกต่ออีกว่า 
ส่วนข้างซ้าย ไม่ได้ไปยุ่งกะมัน
เพราะถ้ามันเกิดเป็นเยอะแล้วไม่สามารถเลาะได้อีกจะเป็นการสูญเสียรังไข่ทั้งสองข้าง 
จึงเก็บทั้งรังไข่และ Chocolate Cyst  ข้างซ้ายไว้อย่างเดิม 
เศร้าอยู่พักนึง เอาวะมันต้องวิธีซิ....อาการวันนี้ก็ดีขึ้นกว่าเมื่อวานแต่ปวดท้องมากขึ้น 
ไม่เจ็บแผลเลย ได้ถอดสายน้ำเกลือ และสายปัสสาวะแล้ว 
อืม...ค่อยสบายตัวหน่อย ลุกเข้าห้องน้ำได้แล้ว 
แต่พอลงจากเตียงได้ไม่สามารถยืดตัวให้ตรงได้ต้องอุ้มท้องไปด้วย 
ก็ได้เข้าไปนั่งชักโครกในห้องน้ำ 
รู้สึกสบายแต่ไม่ได้ปลดปล่อยทุกข์แต่อย่างใด 
เหมือนอยากลุกขึ้น อยากเดิน อยากนั่ง มากกว่านอนอยู่บนเตียง แบบนั้น 
แต่ก็นั่งได้ไม่นานอยากกลับไปนอนอยู่ดี 
เข้าใจความวุ่นวายของคนป่วยจิงๆ อยากโน่นอยากนี่ อยากได้ อยากกิน แต่ทำไม่ได้ 
พอมื้อเที่ยงได้รับประทานอาหารแล้ว 
เย้ๆๆ รถที่เข็นเข้ามามีเพียงน้ำซุปถ้วยเล็กๆ เท่านั้น
 พอเปิดถ้วยดูเป็นน้ำขิงอุ่นๆ ให้เราซดแค่นั้น
 แค่นั้นจิงๆ เอายังไม่หายอิ่มเลย หมดล่ะ 
ก็นอนอยู่บนเตียงแบบนั้นทั้งวันผ่านไปอีก 1 วัน 1 คืน
 เรียบร้อยดีไม่มีปัญหาใดๆ 
หลังจากผ่านพ้นไป 3 วัน 3 คืน 
เที่ยงวันนี้คุณหมออนุญาตให้กลับบ้านได้
 เย้ๆๆๆ รีบเก็บข้าวของ เปลี่ยนเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัว รอคุณพ่อกะคุณแม่มารับ 
(มาจ่ายตังส์ให้ออกจากโรงพยาบาล) 
คุณสามีก็ดูจะอ่อนเพลียจากการเฝ้าไข้คนป่วยมา 3 วัน 3 คืน เต็มๆ 

ขอบคุณคุณหมอ คุณพยาบาล ที่ทำให้การผ่าตัดครั้งนี้ผ่านพ้นไปด้วยดี
ขอบคุณกำลังจากพี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ ทุกคนที่มาเยี่ยมและมาให้กำลังใจ
ขอบคุณคุณสามีที่คอยอยู่เคียงข้างตลอดมาและตลอดไป
ขอบคุณ คุณพ่อ-คุณแม่ ดูแลเราอย่างดีที่สุด รักท่านทั้งสองมากๆ เลยค่ะ 

ผลการตรวจ Anti HIV (ELISA) & VDRL (RPR)

วันนี้รับผลการตรวจ Anti HIV (ELISA) & VDRL (RPR) มาค่ะ 
คุณหมอโรงพยาบาลจุฬา ส่งใบส่งตัวให้มาตรวจเลือดได้ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านได้ค่ะ 
จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปรับผลที่โรงพยาบาลจุฬา  
เลยได้มาตรวจที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ 

ปกติทั้งสองคนค่ะ ..........เหลือแค่ว่ารอไปพบคุณหมอตามนัด 
วันที่ 6 กันยายน 2555 เวลา 08.00 น. โรงพยาบาลจุฬา 
พร้อมผลการเจาะเลือด และประวัติการตรวจรักษาเก่าทั้งหมด

พร้อมแล้วค่ะ..........สู้ๆๆๆๆ^^