วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2555

IUI ครั้งแรกถึงขั้นฉีดเชื้อแล้วค่ะ

ก่อนอื่นขอบอกว่าเป็นความบังเอิญ ความมหัศจรรย์หรืออื่นใดก็แล้วแต่
ตามที่ได้เล่าแล้วในภาคก่อนๆ 
คาดไม่ถึงเลยว่าจะได้ถึงขั้นตอนฉีดเชื้อของกระบวนการ IUI 
เพราะจากประวัติการรักษา และการวินิจฉัยของแพทย์ไม่สามารถปฏิสนธิได้เอง 
เพราะภาวะไข่ไม่โต ท่อนำไข่ตีบ เลยมีความหวังกับการทำเด็กหลอดแก้วเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
แต่ขอขอบคุณพรหมลิขิต สวรรค์บันดาล หรืออื่นใดก็แล้วแต่ที่ทำให้มีวันนี้ 
วันที่คุณหมอบอกว่าสามารถฉีดเชื้อได้ 
เนื่องจากไข่โต ผนังมดลูกสวย 
วันนี้ก็คือวันจันทร์ที่ 10 กันยายน 2555 เวลา 08.00 น. 
มาถึงโรงพยาบาลจุฬาพร้อมคุณสามี ได้คิวที่ 17 เชียววันนี้ 
แต่ก็รอไม่นานเพราะแต่ละเคสนั้นถึงกระบวนการที่แตกต่างกันไป 
วันนี้มีคนมารอฉีดเชื้อประมาณ 5 คน 
พอหลังจากทำประวัติเสร็จก็รับกระปุกมาใส่เชื้อ ให้สามีเก็บเชื้อเองโดยมีห้องส่วนตัว 
เปิดหนังการ์ตูน....ให้ดู 5555+  
หลังจากนั้นก็รอ 1 ชั่วโมงกว่า เพื่อรอปั่นเชื้อ
 และสกัดเชื้อตัวเก่งๆ ออกมา รอเข้าคิวฉีดเชื้อได้คิวที่ 3 ห้อง IUI 3 
คุณหมอเดินเข้ามาถามว่ามาทำไรค่ะ 
เคยทำไหมค่ะ เริ่มแล้วนะค่ะ 5555+ บอกหมดเลย 
ทายาเย็นๆ นะค่ะ ใส่เครื่องมือนะค่ะ เจ็บไหมค่ะ เสร็จแล้วค่ะ เรียบร้อยไม่รู้สึกอะไรเลย 
คุณพยาบาลเดินมาบอกว่านอนพักนิ่งๆ 30 นาทีนะค่ะ 
นัดเจาะเลือดดูฮอโมนต์ HCG วันที่ 26 กันยายน 55 
แต่ถ้าประจำเดือนมาก่อนให้มาพบแพทย์ภายใน 3 วันที่ประจำเดือนมา 
นอนพักอยู่อย่างนั้นนาน 30 นาที ก็ลุกขึ้นมา 
เอามือจับที่ก้น โอเค..ไม่มีอะไรไหลออกมา เป็นอันว่าน่าจะใช้ได้
 เปลี่ยนเสื้อผ้าเดินทางกลับบ้าน ที่เหลือก็รอลุ้นว่าจะโห่...หรือจะฮิ้วววว... 555+
พยาบาลที่หน้าห้องตรวจบอกว่า "กลับบ้านได้แล้วค่ะ ขอให้โชคดีนะค่ะ"
ขอบคุณค่ะ.....
กลับมาถึงบ้านตอน 11 โมง จัดการซ้ำเองด้วยอะ  
นอนหลับต่อเลยตื่นมา 14.00 น.  หิวมว๊ากกกกกกกก...
ที่เหลือก็ขอให้ป้าแดงลาพักร้อนไปยาวๆ สักเก้าเดือนเลยนะค่ะ สาธุ๊ๆๆ

สรุปค่าใช้จ่ายประจำวันนี้
ค่าคัดเชื้อ 1,500 บาท
ค่าฉีดเชื้อ 500 บาท
รวม 2,000 บาท

...................................................................

วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2555

เริ่มมีความหวังอีกครั้ง^^

เหตุการณ์วันเสาร์ที่ 8 กันยายน 55 ไปโรงพยาบาลจุฬาแต่เช้า 
ออกจากบ้าน 06.00 น. คุณหมอนัด 07.00 น. 
ไปถึงตึกยังไม่เปิดเลย อ้าวไหงงั้น...ตึกเปิด 07.30 น. รอต่อปายยยย...

รับบัตรคิวรอบเช้าได้คิวที่ 2 สำหรับวันนี้ 
เปลี่ยนชุดเตรียมอัลตราซาวน์จากที่เราได้เล่าไปแล้วตอนก่อน 
คือวันนี้มาเพื่ออัลตราซาวน์ดูว่าไข่ที่ซาวน์ได้ 15 mm นั้น
เป็นไข่จิงๆ หรือเป็นช็อกโกแลตซีสกันแน่ 

ผลสรุปออกมาแล้วว่าเป็นไข่ที่โตจิงๆ เหลือเชื่อเหลือเกินเป็นไปได้อย่างไรนี่ 
มีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วขนาด 24 mm 
ส่วนซีสที่เราตามหานั้นก็ยังคงมีอยู่ขนาด 17 mm 
ซึ่งไม่มีผลอะไรมากนักเพราะยังมีขนาดเล็กอยู่ 
และจากผลการอัลตราซาวน์วันนี้

สรุปได้ว่า 
ได้ไข่สมบูรณ์มากๆ 1 ใบ ขนาด 24 mm 
ผนังมดลูกหนา 11.4 mm ดีมาก--คุณหมอบอก 
สามารถเริ่มกระบวนการ iui ได้ 

ส่วนท่อนำไข่นั้นคุณหมอแจ้งว่ามันเพียงแค่ตีบเท่านั้น 
ไม่ถึงกันตันซะทีเดียว และการตีบนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ระหว่างการฉีดสีดูท่อนำไข่
 เพราะการฉีดสีเข้าไปแล้วเกิดการเจ็บปวด ร่างกายของเราจะมีปฏิกิริยาต่อต้ายโดยการหดตัว
 ซึ่งเป็นไปได้ว่าเมื่อท่อนำไข่ถูกกระตุ้นและได้รับความเจ็บปวดทำให้ท่อนำไข่ตีบได้ 
สรุปท่อนำไข่ไม่ตัน..สีสามารถผ่านออกได้เพียงแต่มีปริมาณที่น้อยเท่านั้น 
วันนี้เลยได้ยา PREGNYL 5000 iu มา เพื่อฉีดเข้ากล้ามเนื้อเวลา 20.00 น. 
ซึ่งต้องไปฉีดเองที่โรงพยาบาล/คลินิกใกล้บ้านได้เลย 
(ขอบขอบคุณพี่โอ๋ พยาบาลห้องเนอสเซอรี่ โรงพยาบาลเมืองสมุทรปากน้ำค่ะ 
ที่กรุณาสละเวลามาฉีดให้น้องคนนี้) 
เพื่อเป็นการกระตุ้นไข่ให้สุกภายใน 36 ชั่วโมง 
ตามที่คุณหมอคาดการณ์และ
เข้ารับการฉีดเชื้อวันจันทร์ที่ 10 กันยายน 55 เวลา 07.30 น.  
ต่อปายยยยยย

ค่าใช้จ่ายประจำวันนี้
ค่าอัลตราซาวน์ 400 บาท
ค่ายา PREGNYL 5000 iu  569 บาท
ค่าจอดรถ 20 บาท
ค่าทางด่วน 90 บาท
.......................................................................................

วันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2555

ผลการพบหมอเพื่อ "รักษาภาวะการมีบุตรยาก"

วันนี้ 6 กันยา 55 วันที่ 12 ของรอบคุณหมอโรงพยาบาลจุฬานัดเพื่อทำการอัลตราซาวน์
ดูขนาดของไข่ หลังจากกินยากระตุ้นมาแล้ว 5 วัน วันละ 1 เม็ด 
ผลการอัลตราซาวน์วันนี้คือ ได้ไข่จำนวน 4 ใบ แต่ 2 ใบจำนวนเล็กมาก เลยไม่ได้ทำการวัดขนาดดู 
ใบที่ 3 ได้ยินคุณหมอที่ซาวน์บอกว่า 19 mm แต่ในใบรายงานกลับเขียนเพียงแค่ 9 mm 
ส่วนใบที่ 4 ขนาด 15 mm และก็รอพบปรึกษาคุณหมอห้องถัดไป 
ซึ่งคำตอบที่ได้จากห้องนี้ 
ทำให้เกิดความผิดหวังอย่างแรง 
เพราะจากการตรวจและการประวัติการรักษาครั้งก่อนแต่เดิมมาประวัติการผ่าตัด 
การฉีดสี การตรวจเชื้อ สรุปได้ดังนี้ คือ 
"ไม่สามารถมีบุตรเองได้ต้องอาศัยการทำเด็กหลอดแก้วเพียงอย่างเดียว" 
ซึ่งเกิดการปัญหา หลายๆ ปัจจัยด้วยกันคือ
1. รังไข่มีช็อคโกแลตอยู่เป็นทุนอยู่แล้ว
2.ท่อนำไข่ข้างที่มีรังไข่ "ตัน" 
(ไม่ตันซะทีเดียวแต่เชื้อไม่สามารถวิ่งผ่านได้ ถึงผ่านได้ก็น้อยมาก)
3.ไข่ที่ได้รับการผสมไม่สามารถมาฝังตัวในมดลูกได้ 
อาจเกิดการฝังตัวที่ปีกมดลูก เกิดภาวะการท้องนอกมดลูกได้
4.ไข่ที่ถูกกระตุ้นแล้วก็ยังไม่โตพอที่จะผสมได้

คุณหมอนัดอีก 2 วัน เพื่อตรวจอัลตราซาวน์ซ้ำ เพราะว่าไข่ใบที่ 15 mm  
ไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นไข่จิงๆ หรือเป็นขนาดของถุงน้ำรังไข่ที่มีเป็นทุนอยู่แล้วขนาด 14 mm 
ที่มีการส่งต่อประวัติการรักษามา ถ้าเป็นไข่จิงๆ อีก 2 วันข้างหน้าขนาดจะต้องโตขึ้นถึงขนาด 19-20 mm แต่ถ้ายัง 15 mm ไม่เปลี่ยนแปลง เป็นอันแน่นอนว่าถุงน้ำรังไข่คือ "Chocolate Cyst" นั่นเอง
แต่คุณหมอได้มีการแนะนำให้ทำเด็กหลอดแก้วเนื่องจาก 
การทำ IUI มีเปอร์เซ็นต์เพียงน้อยนิดที่จะประสบความสำเร็จเพราะปัญหานั้นมากมายเหลือเกิน 
แต่ถ้าจะลองก่อนก็ได้นะ แต่ต้องมาซาวน์ดูขนาดของไข่ก่อนว่าโตพอที่จะทำการฉีดเชื้อได้ 
คุณหมอแนะนำอีกอย่างคือ ให้ทำการผ่าตัดส่องกล้องเพื่อดูภาวะต่างๆ ของมดลูก รังไข่
 และท่อนำไข่เพื่อความชัดเจนมากกว่าการอัลตราซาวน์ 
เพราะการฉีดสีไม่สามารถบอกได้ว่าท่อนำไข่ตันด้วยสาเหตุใด 
ตันที่เกิดการการตีบของท่อนำไข่ หรือตันเพราะเกิดจากผังผืดยึดเกาะกันแน่ 
และดูว่ารังไข่ข้างขวานั้นถูกตัดแบบถอนรากถอนโคนเลยหรือว่าเพียงการผ่าตัดส่วนที่เสียไปเท่านั้น 
ซึ่งจะทำให้มีผลต่อการรักษาต่อไป 

การผ่าตัดส่องกล้องเป็นการผ่าตัดเจาะหน้าท้องบริเวณสะดือแล้วใส่เครื่องมือ 
มีการวางยาสลบ นอนพักโรงพยาบาล 1 วัน ปิดพลาสเตอร์กันน้ำ กลับบ้านได้ 
หยุดพัก 3-4 วัน สามารถทำงานได้ตามปกติ ค่าใช้จ่ายไม่เกิน 10,000 บาท 
ส่วนการทำ IVF "เด็กหลอดแก้ว" 
ขั้นแรกจะต้องทำการเข้าร่วมโครงการก่อน 
และนัดมาอบรมตามวัน-เวลา ที่กำหนด
เพื่อเป็นการให้ความรู้ผู้ที่ประสงค์จะรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยวิธีนี้ 
ส่วนรายละเอียดคุณหมอบอกว่าต้องเข้าร่วมอบรมแล้วจะชี้แจงต่อไปค่ะ

--บทสรุปของวันนี้--
กลับบ้านมาด้วยความเศร้าใจ ยังเกิดความสงสัยที่ยังไม่ได้ถูกอธิบายให้เข้าใจเลย ....

ปล.ค่าใช้จ่ายวันนี้ 400 บาท (ค่าอัลตราซาวน์)
     ค่าทางด่วน 90 บาท
     ค่าจอดรถ  60  บาท
      รวมทั้งสิ้น 550 บาท...........

วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2555

4 วัน 3 คืน ในโรงพยาบาล...

หลังจากรถเข็นผู้ป่วยได้เคลื่อนย้ายมาจากห้องพักฟื้น 
ทุกอย่างดูสดใสขึ้นทันที 
แต่สิ่งที่ปวดร้าวที่สุดคือการเคลื่อนย้ายจากรถเข็นผู้ป่วยมายังเตียงผู้ป่วย 
ซึ่งตอนนั้น ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย 
อาการเวียนหัวเข้าครอบงำอย่างหาที่สุดมิได้ 
อาการนี้มันจะหายไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ 
ทุกคนทั้ง คุณพ่อ คุณแม่ คุณสามี พยายามลุ้นเราอย่างสุดชีวิต 
บอกคุณพยาบาลให้ยกเบาๆ หน่อยค่ะ 
หลังจากที่ได้ย้ายมาอยู่ที่เตียงผู้ป่วยแล้ว 
ทุกอย่างก็ถูกปิดฉากลงด้วยความอ่อนเพลีย 
ขณะนั้นเวลา 18.30 น. 
รู้สึกตัวตื่นมาก็เมื่อพยาบาลมาวัดความดัน วัดไข้ 
พอตื่นขึ้นมาก็ร้องเวียนหัวๆๆๆ จะอาเจียนๆๆ 
พอจะโก่งคออาเจียน โอ้ยยๆๆ เจ้ากรรม ปวดท้องอย่างรุนแรง 
เป็นอันว่าการอาเจียนไม่ประสบความสำเร็จ พอจะโก่งคอก็เจ็บท้องน้อยขึ้นมาทันที
 เอาวะไม่อ้วกก็ได้ นอนๆๆ ทีนี้อาการปวดคอมาเยอะมากกก 
ทนไม่ไหวเลยต้องขอยาแก้ปวด ยาชา ยาแก้อักเสบ ขอๆๆๆๆ ทุกอย่างที่สามารถให้ได้ 
แต่ยาที่ได้ถูกใส่ให้ทางสายน้ำเกลือ เหมือนกับว่ามันไม่ออกฤทธิ์เลย อย่างไงอย่างงั้น 
เพราะไม่ได้ทำให้ความรู้สึกที่มีหายไปเลย 
เอาวะ...ทางเลือกทุดท้าย ข่มตาหลับๆๆ  
คุณสามีก็คอยลุกดูๆ เป็นไงบ้าง 
พลอยไม่ได้ทั้งคืนไปด้วยกัน
 พอเราตื่นขึ้นมามองไปที่โซฟาก็เห็นคุณสามีลืมตาแป๋วมองเราตลอด 
พอผ่านไป 1 ชั่วโมง พยาบาลมาอีกแล้ว สรุปจะปลุกเราทั้งคืนไหมเนี่ย วัดความดัน วัดไข้ 
เสร็จก็นอนต่อ แต่ที่นี้นอนไม่หลับเลย 
กดออด 1 ครั้งขอยานอนหลับ พยาบาลบอกว่าให้แล้ว ไหงไม่หลับๆ อย่ามาหลอก นอนก็นอน 
กดออดอีกครั้งที่ 2 ขอยาแก้ปวดเริ่มมีอาการปวดท้อง จี๊ดๆๆ ชาๆๆ 
หมดแรงหลับต่อเพราะฤทธิ์ยา พยาบาลมาวัดความดัน และวัดไข้ทุก 1 ชั่วโมง 
สรุปคืนแรกของการนอนโรงพยาบาลหลับๆ ตื่นๆ ทั้งคืน
 เช้าเวลา 06.00 น. พยาบาลก็มาวัดไข้ วัดความดันตามปกติ
 มีการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เราด้วย 
นอนเหมือนไม่มีความรู้สึกอยู่บนเตียงผู้ป่วย  
ทุกอย่างถูกดำเนินไปอย่างเรียบร้อย 
ท่ามกลางสายที่ระโยงระยางเต็มไปหมด 
สายน้ำเกลือถูกกดทับทำให้เลือดไหลออกมาตามสาย 
ก็ทำได้แค่นอนมอง 
ไม่มีแรงแม้แต่จะยกแขนขึ้น
ต้องให้คุณสามีมาช่วยยกแขนชูขึ้นจนเลือดไหลกลับ
แล้วนอนต่อ น้ำเกลือค่อยๆ หยดลงมาจากขวดอย่างช้าๆ 
ท้องเริ่มมีอาการปวดแบบจุกๆๆ เริ่มขยับเขยือนตัวไม่ได้ 
อาหารเช้าวันนี้ยังถูกงดต่อไปอีก 
อยากลงไปเข้าห้องน้ำก็ทำไม่ได้ รู้สึกว่าเตียงผู้ป่วยที่นอนอยู่สูงมาก ลงยังไงวะเนี่ย 555+  
คุณพยาบาลเข้ามาเลยรีบบถามเลยว่า "เมื่ไหร่ทานข้าวได้ค่ะ" 
พยาบาลบอกว่ารอหมอมาตรวจก่อนค่ะ
เวลา 09.00 น. คุณหมอมาแล้วววว มาพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้ม 
แต่มาแจ้งข่าวร้าย.......ผลการผ่าตัดเป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี 
ได้ทำการ "ตัดรังไข่ข้างขวาออกทั้งข้างเพราะเนื้อของ Chocolate Cyst  
กินเนื้อรังไข่ไปหมดเลย ไม่สามารถเลาะออกได้ 
จึงต้องทำการตัดรังไข่ออกทั้งหมด" ย้ำ ตัดรังไข่ออกทั้งหมด"  
นี่ข่าวดีหรือข่าวร้ายเนี่ย???  
งง สับสน อยู่พักนึง ถามอย่างเร็วว่าแล้วจะมีบุตรได้ไหมค่ะ 
หมอก็ตอบว่าเร็วเหมือนกันว่า "มีได้ครับ แต่ยากหน่อย"
 อ้าวๆๆ เป้าหมายหลักเลยนะนั่น แล้วคุณหมอก็บอกต่ออีกว่า 
ส่วนข้างซ้าย ไม่ได้ไปยุ่งกะมัน
เพราะถ้ามันเกิดเป็นเยอะแล้วไม่สามารถเลาะได้อีกจะเป็นการสูญเสียรังไข่ทั้งสองข้าง 
จึงเก็บทั้งรังไข่และ Chocolate Cyst  ข้างซ้ายไว้อย่างเดิม 
เศร้าอยู่พักนึง เอาวะมันต้องวิธีซิ....อาการวันนี้ก็ดีขึ้นกว่าเมื่อวานแต่ปวดท้องมากขึ้น 
ไม่เจ็บแผลเลย ได้ถอดสายน้ำเกลือ และสายปัสสาวะแล้ว 
อืม...ค่อยสบายตัวหน่อย ลุกเข้าห้องน้ำได้แล้ว 
แต่พอลงจากเตียงได้ไม่สามารถยืดตัวให้ตรงได้ต้องอุ้มท้องไปด้วย 
ก็ได้เข้าไปนั่งชักโครกในห้องน้ำ 
รู้สึกสบายแต่ไม่ได้ปลดปล่อยทุกข์แต่อย่างใด 
เหมือนอยากลุกขึ้น อยากเดิน อยากนั่ง มากกว่านอนอยู่บนเตียง แบบนั้น 
แต่ก็นั่งได้ไม่นานอยากกลับไปนอนอยู่ดี 
เข้าใจความวุ่นวายของคนป่วยจิงๆ อยากโน่นอยากนี่ อยากได้ อยากกิน แต่ทำไม่ได้ 
พอมื้อเที่ยงได้รับประทานอาหารแล้ว 
เย้ๆๆ รถที่เข็นเข้ามามีเพียงน้ำซุปถ้วยเล็กๆ เท่านั้น
 พอเปิดถ้วยดูเป็นน้ำขิงอุ่นๆ ให้เราซดแค่นั้น
 แค่นั้นจิงๆ เอายังไม่หายอิ่มเลย หมดล่ะ 
ก็นอนอยู่บนเตียงแบบนั้นทั้งวันผ่านไปอีก 1 วัน 1 คืน
 เรียบร้อยดีไม่มีปัญหาใดๆ 
หลังจากผ่านพ้นไป 3 วัน 3 คืน 
เที่ยงวันนี้คุณหมออนุญาตให้กลับบ้านได้
 เย้ๆๆๆ รีบเก็บข้าวของ เปลี่ยนเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัว รอคุณพ่อกะคุณแม่มารับ 
(มาจ่ายตังส์ให้ออกจากโรงพยาบาล) 
คุณสามีก็ดูจะอ่อนเพลียจากการเฝ้าไข้คนป่วยมา 3 วัน 3 คืน เต็มๆ 

ขอบคุณคุณหมอ คุณพยาบาล ที่ทำให้การผ่าตัดครั้งนี้ผ่านพ้นไปด้วยดี
ขอบคุณกำลังจากพี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ ทุกคนที่มาเยี่ยมและมาให้กำลังใจ
ขอบคุณคุณสามีที่คอยอยู่เคียงข้างตลอดมาและตลอดไป
ขอบคุณ คุณพ่อ-คุณแม่ ดูแลเราอย่างดีที่สุด รักท่านทั้งสองมากๆ เลยค่ะ 

ผลการตรวจ Anti HIV (ELISA) & VDRL (RPR)

วันนี้รับผลการตรวจ Anti HIV (ELISA) & VDRL (RPR) มาค่ะ 
คุณหมอโรงพยาบาลจุฬา ส่งใบส่งตัวให้มาตรวจเลือดได้ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านได้ค่ะ 
จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปรับผลที่โรงพยาบาลจุฬา  
เลยได้มาตรวจที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ 

ปกติทั้งสองคนค่ะ ..........เหลือแค่ว่ารอไปพบคุณหมอตามนัด 
วันที่ 6 กันยายน 2555 เวลา 08.00 น. โรงพยาบาลจุฬา 
พร้อมผลการเจาะเลือด และประวัติการตรวจรักษาเก่าทั้งหมด

พร้อมแล้วค่ะ..........สู้ๆๆๆๆ^^

วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555

หลังจากผ่านศึกครั้งใหญ่...ครั้งนั้น

ต่อเนื่องจาก....โดนยาสลบในห้องผ่าตัด

มารู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อได้ยินคุณหมอดมยาเรียกชื่อเราพร้อมกับมีการตบที่หัวไหล่เบา 
แต่ทำให้พอมีความรู้สึกได้ว่าเจ็บนะ พอลืมตาขึ้นมาได้ 
เห็นแสงไฟลางๆ มองไม่ชัดเลย
 เอ๊ะ!! นี่เราผ่าตัดยังหว่า ยังไม่ทันจะสิ้นความคิดขณะนั้น 
คุณพยาบาลถามขึ้นมาว่า "คนไข้ได้รับการผ่าตัดหรือยังค่ะ" 
อ้าวไหงมาถามอย่างนั้น แต่ชั่วโมงนั้น 
โลกทั้งโลกหมุน ติ้วๆๆๆ มองอะไรไม่เห็น ลืมตาไม่ได้ มีอะไรมาครอบอยู่ที่จมูกและปาก 
มีกลิ่นแปลกๆ อธิบายยาก รู้สึกว่าเวียนหัวมากกก ไม่ไหวแล้ว ทำไมเวียนหัวอย่างนี้ 
หนาวมากกก พอเราเริ่มตอบได้คำพูดแรกที่เราพูดคือ "อือ" 
เท่านั้นแหละ พยาบาลมามุงดูเรากันใหญ่
แล้วทำการยกเราออกจากเตียงผ่าตัดไปยังรถเข็นที่เข็นเรามาเมื่อตอนก่อนเข้าผ่าตัด
 เท่านั้นแหละ อาการของความเจ็บปวดเริ่มส่อแวว โอ้ๆๆ เราผ่าตัดเสร็จแล้วหรือนี่ 
ทำไมเร็วจังวะ (ในใจนึกแบบนั้น) นอนยังไม่เต็มอิ่มเลย เรียกเราทำไมเนี่ย 5555+ 
สิ่งแรกที่ทำคือ รู้แล้วมือเราเป็นอิสระแล้ว 
พยายามเอามือไปจับที่หน้าท้อง 
เป็นไปตามคาดการณ์มีผ้าก็อตติดอยู่จิงๆ ด้วย 
คุณพยาบาลบอกอีกว่า "ไส้ติ่งอยู่ข้างล่างนะค่ะ" 
เท่านั้นรถเข็นเตียงผู้ป่วยก็ถูกเคลื่อนย้ายออกจากห้องผ่าตัดทันที 
ระหว่างที่เข็นออกมา มองดูนาฬิกาเรือนเก่าที่เคยนอนมองก่อนเข้าห้องผ่าตัด 
โอ้..แม่เจ้า 17.10 น. มันนานขนาดนั้นเลยหรือ 
เอ๊ะ!! หรือเราตาฝาด รถเข็นได้มาจอดอยู่ที่ห้องๆ หนึ่ง
ซึ่งเป็นห้องสังเกตุอาการและพักฟื้นสำหรับคนไข้ที่พึ่งผ่าตัดเสร็จใหม่ๆๆ 
ไม่รู้ว่าบรรยากาศตอนนั้นเป็นยังไง ไม่รู้ว่าที่นี่ที่ไหน 
แต่สิ่งเดียวที่รู้คือ การกลับห้องพัก..... 
อยากไปหาคุณแม่ คุณพ่อ คุณสามี อยู่ที่นี่อ้อนใครไม่ได้เลยยยยยย 5555+
  เวียนหัว จะอาเจียน ตลอดเวลา อยากลุกนั่งปวดหลัง เจ็บคอ คอแห้ง หิวน้ำ หนาววววววววววววววว... โอ๊ย!! แล้วเมื่อไหร่จะได้กลับห้องล่ะเนี่ย  
ใครก็ได้ ช่วยด้วย!!!!  
พอมีแรงขึ้นมาหน่อยจะพยุงตัวเองลุกนั่ง 
ตอนนั้นจำได้เลยว่า เจ็บท้องมาก กว่าจะพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งได้เกือบ 15 นาที 
คุณพยาบาลเห็นร้องเสียงดังฟังชัดมาก "ลุกไม่ได้นะค่ะคนไข้ เดี๋ยวรถเข็นล้ม นอนลงเลยค่ะ" 
เท่านั้นแหละคุณพยาบาลเดินตรงเข้ามาหา
 เค้าใช้แค่เพียงปลายนิ้วสะกิดแต่เราปลิวตามมือเค้ายังกะเศษผงลอยลม
 เราไม่มีแรงเลยเหรอเนี่ย ควบคุมตัวเองไม่ได้ รวบรวมคำพูดที่พอจะทำได้ 
ถามออกไปว่า "เมื่อไหร่จะกลับห้องพักได้ค่ะ" "นู๋อยากกลับห้องนอน" 
คุณพยาบาลตอบว่า ต้องรอพนักงานเข็นเปลมารับค่ะ 
นั่นๆๆ พนักงานเข็นเปลมาแล้วๆๆ  
พยาบาลบอกว่า "ยังไม่ถึงคิวค่ะต้องให้คนไข้ที่มาก่อนไปก่อนค่ะ 
อ้าวๆๆๆ พูดงี้ได้ไงเนี่ย เคืองๆๆๆ  5555+ 
และระหว่างที่นอนรอคุณป้าเตียงข้างๆ หันมา
ถามว่า "นู๋เป็นอะไรมาจ๊ะ" โอ้..ชั่วโมงนี้ไม่มีอารมณ์จะคุยกะใครหรอกค่ะ 
หันหน้าหนี จะอ้วกๆๆ คุณป้ารีบเรียกพยาบาลให้บอกว่า น้องเค้าจะอ้วกแล้วค๊า 
(ขอบคุณนะค่ะคุณป้าใจดีมาก) 
พอเราพยายามจะลุกขึ้นอีก 
คุณป้ารีบบอกพยาบาลเลยค่ะ "พยาบาลน้องเค้าจะลุกอีกแล้ว" 
เฮ้ย!!! ไรเนี่ย ทำไมแกล้งเราอย่างนี้ เราก็เลยบอกว่าหนาวๆๆๆ  หนาวมาก 
คุณป้าก็เลยบอกพยาบาลให้ด้วยนะ พยาบาลก็หยิบผ้าห่มมาห่มให้ผืนอย่างใหญ่อะ ก็อุ่นนะ 
แต่อยากกลับห้องนอนมากกว่า 
สิ่งที่รู้สึกต่อมาหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว ปวดต้นคอมาก
 โอ้ย..เราหันคอไม่ได้หรือนี่ เจ็บคอ คอแห้ง หิวน้ำ (ยังงดน้ำ งดอาหารอยู่)
 เลยยอมนอนนิ่งๆ หลับตาลงอย่างช้าๆๆ 
ในใจบอกตัวเองว่า"อยู่เฉยๆ แล้วกัน ทำไรไม่ได้แล้วนิ" 5555+   
สุดท้ายคุณพยาบาลก็เรียกพนักงานเข็นเปลมารับเรากลับห้องได้ 
เย้ๆๆๆ ที่ต้องการก็เท่านี้แหละ....................

เจาะเลือดตรวจ HIV และ Syphilis

เข้าสู่ขั้นตอนการเจาะเลือดตรวจหาเชื้อ เอดส์ และ ซิฟิลิส 
หลังจากที่เมื่อวานได้ไปโรงพยาบาลจุฬามาแล้วก็ได้ใบแลปมาใบหนึ่งให้ไปตรวจเลือด
แต่พอดีเมื่อวานไปคลินิคนอกเวลา
 เพราะฉะนั้นต้องไปรับผลการตรวจนอกเวลาด้วย 
เลยเปลี่ยนใจขอมาตรวจเองข้างนอก
 เพราะวันที่ 6 กันยา ที่คุณหมอนัดจะต้องเอาผลตรวจไปด้วย 

บทสรุปเลยเลือกมาตรวจเอง 
โดยตรวจที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ 
เพราะใกล้บ้านที่สุด 
ค่าตรวจรวมค่าแพทย์คนละ 240 บาท รวม 2 คน 480 บาท ชิวๆๆ 555+
ตรวจวันพฤหัสบดี 30 สิงหา รอรับผลวันจันทร์ 3 กันยา

ระหว่างนี้ ลั้นล้าๆๆ ได้ตามสบาย
แต่ก็ยังคงต้องทานยากระตุ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ต่อไป

แต่อาการที่น่าแปลกวันนี้ คือ....
มีอาการปวดแบบ จุก ๆ บริเวณท้องน้อยข้างซ้าย
เหมือนจะเป็นตำแหน่งของรังไข่ (คิดไปเองป่าวไม่รู้)

หลังจากนี้ไม่มีการบำรุงใด ๆ เลย

เย็นนี้ก็กินข้าว กินยากระตุ้นไข่ตกแล้วนอน^^

การผ่าตัดครั้งใหญ่...เริ่มต้นขึ้น

ความเดิมต่อเนื่องจากบล็อคก่อนหน้า.......
ตรวจรักษาเรียบร้อยในวันที่ 1 เมษายน 2554 
ตัดสินใจอย่างมุ่งมั่นจะ "ผ่าตัด" ออกค่ะ (ตอบเสียงดังฟังชัดมากกกก) 5555+
หมดจึงนัดมาเจาะเลือด 
รอวันที่ประจำเดือนมาแล้วเข้าพบแพทย์อีกครั้งเพื่อทำการนัดวันผ่าตัดครั้งนี้ 
หลังจากนั้น 7 วันก็ได้ทำการลงนัดเพื่อผ่าตัด
 เมื่อถึงวันนัดให้ทำการงดน้ำงดอาหารหลังเที่ยงคืน
จนรุ่งเช้ามาโรงพยาบาลก็ห้ามมีสิ่งใดตกถึงท้อง 
ก็เดินทางมาโรงพยาบาลมากับคุณสามี มาถึงก็ทำบัตรผู้ป่วยใน จองห้องพัก 
ทำสัญญาว่าจะเข้ารับการผ่าตัด ได้สายรัดข้อมือมา 1 อัน กะมีรถเข็นมาเกยถึงที่ 
หลังจากนั้นก็ได้เข้าห้องพัก พยาบาลมาแจ้งว่าได้คิวตอน 16.00 น. 

แต่ตอนนี้มาเตรียมร่างกายกันก่อน
1. เปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อกลายเป็นผู้ป่วยแบบเต็มตัว
2. พยาบาลวัดไข้ วัดความดัน มีรถเข็นเข้ามาพร้อมกับเครื่องมือมากมาย
3. โดนสวนทวารเพื่อให้ขับถ่ายของเสียในร่างกายออกมาให้หมด
4. น้องสาวโดนบวชชีเกลี้ยงเลย (แต่ขั้นตอนนี้รู้อยู่แล้วจึงทำมาตั้งแต่เมื่อคืน ปฏิบัติการเองกะคุณสามี)
5. เจาะน้ำเกลือ ใส่สายปัสสาวะ นอนนิ่งๆ เริ่มมีการเคลื่อนไหวร่างกายน้อยลง
6. โทรศัพท์คอนเฟิร์ม "ตัดไส้ติ่ง" ด้วยเลย

คุณพ่อ คุณแม่ คุณแม่สามี มาถึงโรงพยาบาล มารอกันอย่างใจจดใจจ่อ 
ทุกเสียงที่ได้ยินออกมาคือ "ไม่เป็นไรนะลูก" แต่เราก็ไม่ได้ตื่นเต้นไรเลย 
ไม่รู้สึกเหมือนคนจะโดนผ่าตัดเลย จิงๆๆ คุณแม่ออกอาการเป็นห่วงเรามาก 
ทำให้เรารู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที ก็บอกแม่ว่า "ไม่เป็นไรค่ะ แค่แปบเดียวเอง เดี๋ยวนู๋ก็มาละ"  
ขณะนั้นเวลา 11.50 น. โห!! ต้องนอนรอนานเลยเหรอเนี่ย
 แต่ที่ไหนได้คุณหมอที่ทำการรักษามียกเลิกเคส 12.00 น. เคสนั้นจึงยกให้เราแทน  
เวลาขณะนั้นพยาบาลเข้ามาบอกว่า "พร้อมไหมค่ะ ถ้าพร้อมเรียกรถเลยนะค่ะ" 
สิ้นเสียงพยาบาลคนนั้น รถเข็นผู้ป่วยมารออยู่หน้าห้อง ไงมาเร็วขนานนี้??? 
ขั้นตอนการเคลื่อนย้ายในตอนนั้นเป็นไปอย่างรวดเร็ว 
กระพริบตาทีเดียวไหงมานอนอยู่ในห้องผ่าตัดแล้ว.....5555+  
พอคุณบุรุษพยาบาลเข็นเตียงมาโดยมีคุณแม่ที่คอยเกาะข้างรถเข็นมาตลอด 
น้ำตาไหลด้วย อย่างกะลูกป่วยหนัก 
(เข้าใจหัวอกคนเป็นแม่เลย จิงๆๆ รักแม่ที่สุดในโลกเล๊ยยยยยยยยยย) 
คุณพ่อ คุณสามี วิ่งตามมาด้วย 
แต่คุณบุรุษพยาบาลเข็นเร็วมากอะ 
ตอนนั้นพอผ่านเข้าประตูห้องผ่าตัดที่เปิดรออยู่เหมือนผ่านเข้ามายังอีกโลก โลกหนึ่ง ยังไงไม่รู้ 
ประตูห้องผ่าตัดถูกปิดลง รถเข็นที่เข็มมาจอดอยู่หน้าห้องผ่าตัดที่มีห้องเยอะมาก 
สำหรับการผ่าตัดแต่ละประเภท
 และก็เห็นคุณหมอที่รักษาออกมาจากห้องๆ หนึ่งใส่ชุดสีเขียว สวมหมวกเตรียมพร้อมแล้ว 
ประตูสองบานถูกเปิดออกพร้อมกัน รถเข็นที่นอนอยู่ถูกเข็นเข้าไปอย่างรวดเร็ว 
โดนยกตัวจากเตียงหนึ่งไปยังอีกเตียงหนึ่งโดยทันที ถูกล็อคขาและแขนทั้ง 2 ข้าง
 เครื่องวัดความดันแบบปลายนิ้วถูกหนีบเข้าที่นิ้วนางข้างซ้าย มีการเจาะเลือดปลายนิ้ว 
ใส่หมวดคลุมผมสีเขียว พยาบาลในห้องประมาณ 5 คน รุมล้อมบริเวณนั้น 
อากาศภายในห้องหนาวมากกกก...
 หมอดมยาเดินเข้ามาถามสาระทุกข์สุขดิบ ถามชื่อ-นามสกุล น้ำหนัก ส่วนสูง อายุ 
เป็นอะไรถึงมาผ่าตัด แล้วผ่าตัดอะไรบ้าง กลัวไหม 
หมอบอกว่าให้นอนนิ่ง หายใจลึกๆๆ...........................

-----ไม่รู้สึกอะไรอีกเลย------

วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ประวัติเก่า..เนิ่นนานมาแล้ว

เมื่อหลายปีก่อน...ประจำเดือนมาเยอะมากแบบไม่เคยเป็นมาก่อน หลังจากประจำเดือนหมดจึงไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย ทำให้รู้ว่าเกิดความผิดปกติขึ้นจริงๆ ตรวจเจอ chocolate cyst ในรังไข่ข้างซ้ายขนาด 5.8 ซม. และพบถุงน้ำเล็กๆ ในมดลูกหลายแห่ง ซึ่งทำให้เวลามีประจำเดือนจะปวดท้องมาก 

แพทย์ที่ทำการรักษาได้เสนอแนะทางเลือกมา 3 วิธี 
1.ฉีดยาคุมกำเนิดเพื่อให้ chocolate cyst ฝ่อไปเอง 
2. ผ่าตัดเอา chocolate cyst ออก 
3. มีบุตรเพื่อเป็นการรักษา chocolate cyst ให้หาย 
ณ ขณะนั้นอายุเพียง 20 กว่าๆ จึงแน่นอนล่ะไม่พร้อมจะมีบุตร และได้เลือกวิธีการฉีดยาคุมกำเนิดเพื่อทำให้ chocolate cyst ฝ่อต่อไป.....เวลาล่วงเลยผ่านมาเกือบ 3 ปีที่ทำการฉีดยาคุมกำเนิดโดยห้ามให้มีเลือดประจำเดือนไหลออกมา ถ้าวันไหนมีเลือดไหลออกมา จะมียากินเพื่อให้เลือดหยุดไหลด้วย 
เป็นวัฎจักรแบบนี้มาเนิ่นนา่นหลายปี 

ฝ่ายเจ้า chocolate cyst ก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะฝ่อไปเลย 
เพียงแค่เป็นการกดไม่ได้มันโตขึ้นก็เท่านั้น แต่วันที่ตัดสินใจเลิกฉีดยาคุมนั้น ได้ไปอัลตราซาวน์ครั้งสุดท้าย ตรวจที่โรงพยาบาลเมืองสมุทรปากน้ำ เจอขนาด 3 ซม.กว่าๆ ก็ไม่ได้คิดอะไรจึงเลิกฉีดยาคุมตั้งแต่นั้นมาและพร้อมที่จะมีบุตรแล้วในขณะนั้น แต่หลังจากหยุดยาประจำเดือนก็มาเลย......

พอประจำเดือนหมดก็มีเพศสัมพันธ์ 
แต่เจ้ากรรมอะไรไม่รู้หลังจากเสร็จภาระกิจ มีเลือดไหลออกมาแบบไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย
 เป็นเลือดแดงสดๆๆ กลิ่นเลือดแรงมาก ไม่เหมือนเลือดประจำเดือนทั่วไป 
ลักษณะเหมือนเลือดตามบาดแผลที่ไหลออกมานอกร่างกายแต่ดันไปไหลที่ตรงนั้นแทน....

เช้าวันรุ่งขึ้นไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลสระบุรี (ทำงานที่จังหวัดสระบุรี)
 แพทย์ได้ทำการตรวจภายในพบว่ามดลูกอักเสบอย่างรุนแรง
ให้ยามาฉีดและนัดวันทำอัลตราซาวน์ต่อไป...

พอถึงวันนัดก็ได้ทำการตรวจอัลตราซาวน์
แต่การทำอัลตราซาวน์เป็นการทำอัลตราซาวน์ทางหน้าท้อง (เป็นครั้งแรกที่ส่องทางหน้าท้อง) 
ทุกครั้งรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนจะได้รับการทำอัลตราซาวน์แบบส่องกล้องทางช่องคลอด
มาโดยตลอด เลยสับสนเล็กน้อยว่าแล้วจะมองเห็นไหม 
สุดท้ายคำตอบที่ได้คือ ไม่พบ chocolate cyst พบเพียงรังไข่ขนาดปกติเท่านั้น 

วันนั้นรู้สึกแปลกใจนะว่า มันหายไปแล้ว หรือ มันไม่ได้ใช้วิธีการตรวจเหมือนเดิม 
จึงทำให้มองไม่เห็นกันแน่ แต่คำตอบในใจที่ตอบตัวเองขณะนั้นคือ 
ตั้งแต่วันนี้ไปเราจะไม่ฉีดยาคุมแล้วจะพยายามปล่อยให้มีน้องเอง 
ก็ได้เตรียมความพร้อมเพื่อการมีบุตรด้วยตนเอง 
แต่อยู่ในความดูแลของแพทย์  
และหลังจากเลือดหายไปแล้ว ประจำเดือนก็หายไปด้วย 
เลยได้มีโอกาสใช้ยาเร่งให้มีประจำเดือนถึง 2 เดือนด้วยกัน 
เพราะรอบเดือนยาวออกไปมากและไม่มีประจำเดือนมาในวันและเวลาที่ครบกำหนดประจำเดือนมา 
ก็ได้รับยามาทาน 2 เดือน 
เดือนที่ 3 ประจำเดือนเริ่มมาเองได้โดยไม่ต้องใช้ยากระตุ้นแต่อย่างใด 
โอเค!! เป็นอันว่าเข้าสู่ภาวะ "ปกติ"
แต่ก็ไม่วายต้องเข้าพบแพทย์ปีละ 1 ครั้งตลอด 
เพื่อตรวจภายในและคอยอัลตราซาวน์การเจริญเติบโตของ chocolate cyst
 แต่หลังจากนั้นก็ปล่อยธรรมชาติมาแล้ว 1 ปี ก็ยังไม่มี 
ไปพบแพทย์ก็ให้ลองธรรมชาติเองอีก 1 ปี 
และก็เลยไม่ได้ไปหาจนอายุ  28 ปี
 วันที่ 1 เมษายน 2554 ได้ไปพบแพทย์โดยมีจุดประสงค์ว่าต้องการมีบุตร....
ก็ได้ทำการตรวจตรวจเช็คร่างกายตามปกติ 
แต่สิ่งที่ผิดปกติคือ 
ตรวจพบ chocolate cyst ข้างขวา (ย้ำๆๆ ข้างขวา) โอ้!!!  มันขึ้นมาใหม่ 2 ก้อนติดกัน 
ขนาดก้อนละ  5 ซม. และ 6 ซม. 
มันคืออะไร!!!  
ซ้ำร้ายไปกว่านั้น chocolate cyst ในรังไข่ข้างซ้ายก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะฝ่อไปแต่อย่างใด
แต่มีขนาดเล็กลงเหลือ 3 ซม.
สรุป...ตรวจเจอ chocolate cyst ในรังไข่ทั้ง 2 ข้าง!!!!

IUI ครั้งแรกกำลังจะเริ่มต้นขึ้น.....

1.ถึงโรงพยาบาลจุฬาฯ(คลินิคนอกเวลา) ทำประวัติคนไข้ใหม่ รอคัดกรองโดยพยาบาล และรอยื่นทำประวัติใหม่ ชำระค่าทำประวัติใหม่ 30 บาท 
2.ขึ้นห้องตรวจตึก ภปร.ชั้น 13 ยื่นประวัติในตะกร้าตามเวลานัดที่พยาบาลคัดกรองแจ้งไว้ ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง วัดความดัน รอพบแพทย์
3.รอประวัติอยู่หน้าห้องตรวจ (ซึ่งตอนนั้นไม่มีคิวเลย แต่ประวัติยังไม่มา) มีแต่คู่สามี-ภรรยา มากันเต็มไปหมดเลย ทั้งรอปรึกษา ทั้งตั้งครรภ์แล้วก็มี 
4.ได้ประวัติก็เข้าพบคุณหมอเล่าอาการ เล่าความต้องการ ขึ้นขาหยั่ง ตรวจภายในคุณหมอเขียนใบประวัติและขอส่งตัวไปต่อที่หน่วยผู้มีบุตรยากโดยตรง แต่ต้องมาในเวลาราชการก่อน 8.00 น. แต่วันนี้คุณหมอคุณหมอใจดี เห็นว่าเคยมีประวัติมาแล้วอย่างละเอียด (ถือประวัติรักษาของที่เก่าไปด้วย) เลยจ่ายยากระตุ้นไข่ตกมาให้เริ่มทานวันนี้เลย...แล้วนัดให้มาพบแพทย์วันที่ 6 กันยายน เพื่อซาวน์ดูไข่ต
่อไป
5.ชำระเงินค่าบริการ ผู้ชาย ค่าพบแพทย์ 120 บาท ผู้หญิงค่าพบแพทย์ ค่าตรวจภายใน ค่ายา 500 บาท รอรับยา
6.นำบัตรคิวไปรับยาได้ Ovinum มา 5 เม็ด เริ่มทานได้เลยวันนี้ค่ะ

----เป็นอันเสร็จภาระกิจครั้งแรกของการรักษาเลยนะเนี่ย^^-----
คุณหมอให้มาตรวจ HIV - ซิฟิลิส และนำพบการตรวจไปด้วยในวันที่ 6 กันยา