วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555

หลังจากผ่านศึกครั้งใหญ่...ครั้งนั้น

ต่อเนื่องจาก....โดนยาสลบในห้องผ่าตัด

มารู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อได้ยินคุณหมอดมยาเรียกชื่อเราพร้อมกับมีการตบที่หัวไหล่เบา 
แต่ทำให้พอมีความรู้สึกได้ว่าเจ็บนะ พอลืมตาขึ้นมาได้ 
เห็นแสงไฟลางๆ มองไม่ชัดเลย
 เอ๊ะ!! นี่เราผ่าตัดยังหว่า ยังไม่ทันจะสิ้นความคิดขณะนั้น 
คุณพยาบาลถามขึ้นมาว่า "คนไข้ได้รับการผ่าตัดหรือยังค่ะ" 
อ้าวไหงมาถามอย่างนั้น แต่ชั่วโมงนั้น 
โลกทั้งโลกหมุน ติ้วๆๆๆ มองอะไรไม่เห็น ลืมตาไม่ได้ มีอะไรมาครอบอยู่ที่จมูกและปาก 
มีกลิ่นแปลกๆ อธิบายยาก รู้สึกว่าเวียนหัวมากกก ไม่ไหวแล้ว ทำไมเวียนหัวอย่างนี้ 
หนาวมากกก พอเราเริ่มตอบได้คำพูดแรกที่เราพูดคือ "อือ" 
เท่านั้นแหละ พยาบาลมามุงดูเรากันใหญ่
แล้วทำการยกเราออกจากเตียงผ่าตัดไปยังรถเข็นที่เข็นเรามาเมื่อตอนก่อนเข้าผ่าตัด
 เท่านั้นแหละ อาการของความเจ็บปวดเริ่มส่อแวว โอ้ๆๆ เราผ่าตัดเสร็จแล้วหรือนี่ 
ทำไมเร็วจังวะ (ในใจนึกแบบนั้น) นอนยังไม่เต็มอิ่มเลย เรียกเราทำไมเนี่ย 5555+ 
สิ่งแรกที่ทำคือ รู้แล้วมือเราเป็นอิสระแล้ว 
พยายามเอามือไปจับที่หน้าท้อง 
เป็นไปตามคาดการณ์มีผ้าก็อตติดอยู่จิงๆ ด้วย 
คุณพยาบาลบอกอีกว่า "ไส้ติ่งอยู่ข้างล่างนะค่ะ" 
เท่านั้นรถเข็นเตียงผู้ป่วยก็ถูกเคลื่อนย้ายออกจากห้องผ่าตัดทันที 
ระหว่างที่เข็นออกมา มองดูนาฬิกาเรือนเก่าที่เคยนอนมองก่อนเข้าห้องผ่าตัด 
โอ้..แม่เจ้า 17.10 น. มันนานขนาดนั้นเลยหรือ 
เอ๊ะ!! หรือเราตาฝาด รถเข็นได้มาจอดอยู่ที่ห้องๆ หนึ่ง
ซึ่งเป็นห้องสังเกตุอาการและพักฟื้นสำหรับคนไข้ที่พึ่งผ่าตัดเสร็จใหม่ๆๆ 
ไม่รู้ว่าบรรยากาศตอนนั้นเป็นยังไง ไม่รู้ว่าที่นี่ที่ไหน 
แต่สิ่งเดียวที่รู้คือ การกลับห้องพัก..... 
อยากไปหาคุณแม่ คุณพ่อ คุณสามี อยู่ที่นี่อ้อนใครไม่ได้เลยยยยยย 5555+
  เวียนหัว จะอาเจียน ตลอดเวลา อยากลุกนั่งปวดหลัง เจ็บคอ คอแห้ง หิวน้ำ หนาววววววววววววววว... โอ๊ย!! แล้วเมื่อไหร่จะได้กลับห้องล่ะเนี่ย  
ใครก็ได้ ช่วยด้วย!!!!  
พอมีแรงขึ้นมาหน่อยจะพยุงตัวเองลุกนั่ง 
ตอนนั้นจำได้เลยว่า เจ็บท้องมาก กว่าจะพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งได้เกือบ 15 นาที 
คุณพยาบาลเห็นร้องเสียงดังฟังชัดมาก "ลุกไม่ได้นะค่ะคนไข้ เดี๋ยวรถเข็นล้ม นอนลงเลยค่ะ" 
เท่านั้นแหละคุณพยาบาลเดินตรงเข้ามาหา
 เค้าใช้แค่เพียงปลายนิ้วสะกิดแต่เราปลิวตามมือเค้ายังกะเศษผงลอยลม
 เราไม่มีแรงเลยเหรอเนี่ย ควบคุมตัวเองไม่ได้ รวบรวมคำพูดที่พอจะทำได้ 
ถามออกไปว่า "เมื่อไหร่จะกลับห้องพักได้ค่ะ" "นู๋อยากกลับห้องนอน" 
คุณพยาบาลตอบว่า ต้องรอพนักงานเข็นเปลมารับค่ะ 
นั่นๆๆ พนักงานเข็นเปลมาแล้วๆๆ  
พยาบาลบอกว่า "ยังไม่ถึงคิวค่ะต้องให้คนไข้ที่มาก่อนไปก่อนค่ะ 
อ้าวๆๆๆ พูดงี้ได้ไงเนี่ย เคืองๆๆๆ  5555+ 
และระหว่างที่นอนรอคุณป้าเตียงข้างๆ หันมา
ถามว่า "นู๋เป็นอะไรมาจ๊ะ" โอ้..ชั่วโมงนี้ไม่มีอารมณ์จะคุยกะใครหรอกค่ะ 
หันหน้าหนี จะอ้วกๆๆ คุณป้ารีบเรียกพยาบาลให้บอกว่า น้องเค้าจะอ้วกแล้วค๊า 
(ขอบคุณนะค่ะคุณป้าใจดีมาก) 
พอเราพยายามจะลุกขึ้นอีก 
คุณป้ารีบบอกพยาบาลเลยค่ะ "พยาบาลน้องเค้าจะลุกอีกแล้ว" 
เฮ้ย!!! ไรเนี่ย ทำไมแกล้งเราอย่างนี้ เราก็เลยบอกว่าหนาวๆๆๆ  หนาวมาก 
คุณป้าก็เลยบอกพยาบาลให้ด้วยนะ พยาบาลก็หยิบผ้าห่มมาห่มให้ผืนอย่างใหญ่อะ ก็อุ่นนะ 
แต่อยากกลับห้องนอนมากกว่า 
สิ่งที่รู้สึกต่อมาหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว ปวดต้นคอมาก
 โอ้ย..เราหันคอไม่ได้หรือนี่ เจ็บคอ คอแห้ง หิวน้ำ (ยังงดน้ำ งดอาหารอยู่)
 เลยยอมนอนนิ่งๆ หลับตาลงอย่างช้าๆๆ 
ในใจบอกตัวเองว่า"อยู่เฉยๆ แล้วกัน ทำไรไม่ได้แล้วนิ" 5555+   
สุดท้ายคุณพยาบาลก็เรียกพนักงานเข็นเปลมารับเรากลับห้องได้ 
เย้ๆๆๆ ที่ต้องการก็เท่านี้แหละ....................

เจาะเลือดตรวจ HIV และ Syphilis

เข้าสู่ขั้นตอนการเจาะเลือดตรวจหาเชื้อ เอดส์ และ ซิฟิลิส 
หลังจากที่เมื่อวานได้ไปโรงพยาบาลจุฬามาแล้วก็ได้ใบแลปมาใบหนึ่งให้ไปตรวจเลือด
แต่พอดีเมื่อวานไปคลินิคนอกเวลา
 เพราะฉะนั้นต้องไปรับผลการตรวจนอกเวลาด้วย 
เลยเปลี่ยนใจขอมาตรวจเองข้างนอก
 เพราะวันที่ 6 กันยา ที่คุณหมอนัดจะต้องเอาผลตรวจไปด้วย 

บทสรุปเลยเลือกมาตรวจเอง 
โดยตรวจที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ 
เพราะใกล้บ้านที่สุด 
ค่าตรวจรวมค่าแพทย์คนละ 240 บาท รวม 2 คน 480 บาท ชิวๆๆ 555+
ตรวจวันพฤหัสบดี 30 สิงหา รอรับผลวันจันทร์ 3 กันยา

ระหว่างนี้ ลั้นล้าๆๆ ได้ตามสบาย
แต่ก็ยังคงต้องทานยากระตุ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ต่อไป

แต่อาการที่น่าแปลกวันนี้ คือ....
มีอาการปวดแบบ จุก ๆ บริเวณท้องน้อยข้างซ้าย
เหมือนจะเป็นตำแหน่งของรังไข่ (คิดไปเองป่าวไม่รู้)

หลังจากนี้ไม่มีการบำรุงใด ๆ เลย

เย็นนี้ก็กินข้าว กินยากระตุ้นไข่ตกแล้วนอน^^

การผ่าตัดครั้งใหญ่...เริ่มต้นขึ้น

ความเดิมต่อเนื่องจากบล็อคก่อนหน้า.......
ตรวจรักษาเรียบร้อยในวันที่ 1 เมษายน 2554 
ตัดสินใจอย่างมุ่งมั่นจะ "ผ่าตัด" ออกค่ะ (ตอบเสียงดังฟังชัดมากกกก) 5555+
หมดจึงนัดมาเจาะเลือด 
รอวันที่ประจำเดือนมาแล้วเข้าพบแพทย์อีกครั้งเพื่อทำการนัดวันผ่าตัดครั้งนี้ 
หลังจากนั้น 7 วันก็ได้ทำการลงนัดเพื่อผ่าตัด
 เมื่อถึงวันนัดให้ทำการงดน้ำงดอาหารหลังเที่ยงคืน
จนรุ่งเช้ามาโรงพยาบาลก็ห้ามมีสิ่งใดตกถึงท้อง 
ก็เดินทางมาโรงพยาบาลมากับคุณสามี มาถึงก็ทำบัตรผู้ป่วยใน จองห้องพัก 
ทำสัญญาว่าจะเข้ารับการผ่าตัด ได้สายรัดข้อมือมา 1 อัน กะมีรถเข็นมาเกยถึงที่ 
หลังจากนั้นก็ได้เข้าห้องพัก พยาบาลมาแจ้งว่าได้คิวตอน 16.00 น. 

แต่ตอนนี้มาเตรียมร่างกายกันก่อน
1. เปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อกลายเป็นผู้ป่วยแบบเต็มตัว
2. พยาบาลวัดไข้ วัดความดัน มีรถเข็นเข้ามาพร้อมกับเครื่องมือมากมาย
3. โดนสวนทวารเพื่อให้ขับถ่ายของเสียในร่างกายออกมาให้หมด
4. น้องสาวโดนบวชชีเกลี้ยงเลย (แต่ขั้นตอนนี้รู้อยู่แล้วจึงทำมาตั้งแต่เมื่อคืน ปฏิบัติการเองกะคุณสามี)
5. เจาะน้ำเกลือ ใส่สายปัสสาวะ นอนนิ่งๆ เริ่มมีการเคลื่อนไหวร่างกายน้อยลง
6. โทรศัพท์คอนเฟิร์ม "ตัดไส้ติ่ง" ด้วยเลย

คุณพ่อ คุณแม่ คุณแม่สามี มาถึงโรงพยาบาล มารอกันอย่างใจจดใจจ่อ 
ทุกเสียงที่ได้ยินออกมาคือ "ไม่เป็นไรนะลูก" แต่เราก็ไม่ได้ตื่นเต้นไรเลย 
ไม่รู้สึกเหมือนคนจะโดนผ่าตัดเลย จิงๆๆ คุณแม่ออกอาการเป็นห่วงเรามาก 
ทำให้เรารู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที ก็บอกแม่ว่า "ไม่เป็นไรค่ะ แค่แปบเดียวเอง เดี๋ยวนู๋ก็มาละ"  
ขณะนั้นเวลา 11.50 น. โห!! ต้องนอนรอนานเลยเหรอเนี่ย
 แต่ที่ไหนได้คุณหมอที่ทำการรักษามียกเลิกเคส 12.00 น. เคสนั้นจึงยกให้เราแทน  
เวลาขณะนั้นพยาบาลเข้ามาบอกว่า "พร้อมไหมค่ะ ถ้าพร้อมเรียกรถเลยนะค่ะ" 
สิ้นเสียงพยาบาลคนนั้น รถเข็นผู้ป่วยมารออยู่หน้าห้อง ไงมาเร็วขนานนี้??? 
ขั้นตอนการเคลื่อนย้ายในตอนนั้นเป็นไปอย่างรวดเร็ว 
กระพริบตาทีเดียวไหงมานอนอยู่ในห้องผ่าตัดแล้ว.....5555+  
พอคุณบุรุษพยาบาลเข็นเตียงมาโดยมีคุณแม่ที่คอยเกาะข้างรถเข็นมาตลอด 
น้ำตาไหลด้วย อย่างกะลูกป่วยหนัก 
(เข้าใจหัวอกคนเป็นแม่เลย จิงๆๆ รักแม่ที่สุดในโลกเล๊ยยยยยยยยยย) 
คุณพ่อ คุณสามี วิ่งตามมาด้วย 
แต่คุณบุรุษพยาบาลเข็นเร็วมากอะ 
ตอนนั้นพอผ่านเข้าประตูห้องผ่าตัดที่เปิดรออยู่เหมือนผ่านเข้ามายังอีกโลก โลกหนึ่ง ยังไงไม่รู้ 
ประตูห้องผ่าตัดถูกปิดลง รถเข็นที่เข็มมาจอดอยู่หน้าห้องผ่าตัดที่มีห้องเยอะมาก 
สำหรับการผ่าตัดแต่ละประเภท
 และก็เห็นคุณหมอที่รักษาออกมาจากห้องๆ หนึ่งใส่ชุดสีเขียว สวมหมวกเตรียมพร้อมแล้ว 
ประตูสองบานถูกเปิดออกพร้อมกัน รถเข็นที่นอนอยู่ถูกเข็นเข้าไปอย่างรวดเร็ว 
โดนยกตัวจากเตียงหนึ่งไปยังอีกเตียงหนึ่งโดยทันที ถูกล็อคขาและแขนทั้ง 2 ข้าง
 เครื่องวัดความดันแบบปลายนิ้วถูกหนีบเข้าที่นิ้วนางข้างซ้าย มีการเจาะเลือดปลายนิ้ว 
ใส่หมวดคลุมผมสีเขียว พยาบาลในห้องประมาณ 5 คน รุมล้อมบริเวณนั้น 
อากาศภายในห้องหนาวมากกกก...
 หมอดมยาเดินเข้ามาถามสาระทุกข์สุขดิบ ถามชื่อ-นามสกุล น้ำหนัก ส่วนสูง อายุ 
เป็นอะไรถึงมาผ่าตัด แล้วผ่าตัดอะไรบ้าง กลัวไหม 
หมอบอกว่าให้นอนนิ่ง หายใจลึกๆๆ...........................

-----ไม่รู้สึกอะไรอีกเลย------

วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ประวัติเก่า..เนิ่นนานมาแล้ว

เมื่อหลายปีก่อน...ประจำเดือนมาเยอะมากแบบไม่เคยเป็นมาก่อน หลังจากประจำเดือนหมดจึงไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย ทำให้รู้ว่าเกิดความผิดปกติขึ้นจริงๆ ตรวจเจอ chocolate cyst ในรังไข่ข้างซ้ายขนาด 5.8 ซม. และพบถุงน้ำเล็กๆ ในมดลูกหลายแห่ง ซึ่งทำให้เวลามีประจำเดือนจะปวดท้องมาก 

แพทย์ที่ทำการรักษาได้เสนอแนะทางเลือกมา 3 วิธี 
1.ฉีดยาคุมกำเนิดเพื่อให้ chocolate cyst ฝ่อไปเอง 
2. ผ่าตัดเอา chocolate cyst ออก 
3. มีบุตรเพื่อเป็นการรักษา chocolate cyst ให้หาย 
ณ ขณะนั้นอายุเพียง 20 กว่าๆ จึงแน่นอนล่ะไม่พร้อมจะมีบุตร และได้เลือกวิธีการฉีดยาคุมกำเนิดเพื่อทำให้ chocolate cyst ฝ่อต่อไป.....เวลาล่วงเลยผ่านมาเกือบ 3 ปีที่ทำการฉีดยาคุมกำเนิดโดยห้ามให้มีเลือดประจำเดือนไหลออกมา ถ้าวันไหนมีเลือดไหลออกมา จะมียากินเพื่อให้เลือดหยุดไหลด้วย 
เป็นวัฎจักรแบบนี้มาเนิ่นนา่นหลายปี 

ฝ่ายเจ้า chocolate cyst ก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะฝ่อไปเลย 
เพียงแค่เป็นการกดไม่ได้มันโตขึ้นก็เท่านั้น แต่วันที่ตัดสินใจเลิกฉีดยาคุมนั้น ได้ไปอัลตราซาวน์ครั้งสุดท้าย ตรวจที่โรงพยาบาลเมืองสมุทรปากน้ำ เจอขนาด 3 ซม.กว่าๆ ก็ไม่ได้คิดอะไรจึงเลิกฉีดยาคุมตั้งแต่นั้นมาและพร้อมที่จะมีบุตรแล้วในขณะนั้น แต่หลังจากหยุดยาประจำเดือนก็มาเลย......

พอประจำเดือนหมดก็มีเพศสัมพันธ์ 
แต่เจ้ากรรมอะไรไม่รู้หลังจากเสร็จภาระกิจ มีเลือดไหลออกมาแบบไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย
 เป็นเลือดแดงสดๆๆ กลิ่นเลือดแรงมาก ไม่เหมือนเลือดประจำเดือนทั่วไป 
ลักษณะเหมือนเลือดตามบาดแผลที่ไหลออกมานอกร่างกายแต่ดันไปไหลที่ตรงนั้นแทน....

เช้าวันรุ่งขึ้นไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลสระบุรี (ทำงานที่จังหวัดสระบุรี)
 แพทย์ได้ทำการตรวจภายในพบว่ามดลูกอักเสบอย่างรุนแรง
ให้ยามาฉีดและนัดวันทำอัลตราซาวน์ต่อไป...

พอถึงวันนัดก็ได้ทำการตรวจอัลตราซาวน์
แต่การทำอัลตราซาวน์เป็นการทำอัลตราซาวน์ทางหน้าท้อง (เป็นครั้งแรกที่ส่องทางหน้าท้อง) 
ทุกครั้งรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนจะได้รับการทำอัลตราซาวน์แบบส่องกล้องทางช่องคลอด
มาโดยตลอด เลยสับสนเล็กน้อยว่าแล้วจะมองเห็นไหม 
สุดท้ายคำตอบที่ได้คือ ไม่พบ chocolate cyst พบเพียงรังไข่ขนาดปกติเท่านั้น 

วันนั้นรู้สึกแปลกใจนะว่า มันหายไปแล้ว หรือ มันไม่ได้ใช้วิธีการตรวจเหมือนเดิม 
จึงทำให้มองไม่เห็นกันแน่ แต่คำตอบในใจที่ตอบตัวเองขณะนั้นคือ 
ตั้งแต่วันนี้ไปเราจะไม่ฉีดยาคุมแล้วจะพยายามปล่อยให้มีน้องเอง 
ก็ได้เตรียมความพร้อมเพื่อการมีบุตรด้วยตนเอง 
แต่อยู่ในความดูแลของแพทย์  
และหลังจากเลือดหายไปแล้ว ประจำเดือนก็หายไปด้วย 
เลยได้มีโอกาสใช้ยาเร่งให้มีประจำเดือนถึง 2 เดือนด้วยกัน 
เพราะรอบเดือนยาวออกไปมากและไม่มีประจำเดือนมาในวันและเวลาที่ครบกำหนดประจำเดือนมา 
ก็ได้รับยามาทาน 2 เดือน 
เดือนที่ 3 ประจำเดือนเริ่มมาเองได้โดยไม่ต้องใช้ยากระตุ้นแต่อย่างใด 
โอเค!! เป็นอันว่าเข้าสู่ภาวะ "ปกติ"
แต่ก็ไม่วายต้องเข้าพบแพทย์ปีละ 1 ครั้งตลอด 
เพื่อตรวจภายในและคอยอัลตราซาวน์การเจริญเติบโตของ chocolate cyst
 แต่หลังจากนั้นก็ปล่อยธรรมชาติมาแล้ว 1 ปี ก็ยังไม่มี 
ไปพบแพทย์ก็ให้ลองธรรมชาติเองอีก 1 ปี 
และก็เลยไม่ได้ไปหาจนอายุ  28 ปี
 วันที่ 1 เมษายน 2554 ได้ไปพบแพทย์โดยมีจุดประสงค์ว่าต้องการมีบุตร....
ก็ได้ทำการตรวจตรวจเช็คร่างกายตามปกติ 
แต่สิ่งที่ผิดปกติคือ 
ตรวจพบ chocolate cyst ข้างขวา (ย้ำๆๆ ข้างขวา) โอ้!!!  มันขึ้นมาใหม่ 2 ก้อนติดกัน 
ขนาดก้อนละ  5 ซม. และ 6 ซม. 
มันคืออะไร!!!  
ซ้ำร้ายไปกว่านั้น chocolate cyst ในรังไข่ข้างซ้ายก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะฝ่อไปแต่อย่างใด
แต่มีขนาดเล็กลงเหลือ 3 ซม.
สรุป...ตรวจเจอ chocolate cyst ในรังไข่ทั้ง 2 ข้าง!!!!

IUI ครั้งแรกกำลังจะเริ่มต้นขึ้น.....

1.ถึงโรงพยาบาลจุฬาฯ(คลินิคนอกเวลา) ทำประวัติคนไข้ใหม่ รอคัดกรองโดยพยาบาล และรอยื่นทำประวัติใหม่ ชำระค่าทำประวัติใหม่ 30 บาท 
2.ขึ้นห้องตรวจตึก ภปร.ชั้น 13 ยื่นประวัติในตะกร้าตามเวลานัดที่พยาบาลคัดกรองแจ้งไว้ ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง วัดความดัน รอพบแพทย์
3.รอประวัติอยู่หน้าห้องตรวจ (ซึ่งตอนนั้นไม่มีคิวเลย แต่ประวัติยังไม่มา) มีแต่คู่สามี-ภรรยา มากันเต็มไปหมดเลย ทั้งรอปรึกษา ทั้งตั้งครรภ์แล้วก็มี 
4.ได้ประวัติก็เข้าพบคุณหมอเล่าอาการ เล่าความต้องการ ขึ้นขาหยั่ง ตรวจภายในคุณหมอเขียนใบประวัติและขอส่งตัวไปต่อที่หน่วยผู้มีบุตรยากโดยตรง แต่ต้องมาในเวลาราชการก่อน 8.00 น. แต่วันนี้คุณหมอคุณหมอใจดี เห็นว่าเคยมีประวัติมาแล้วอย่างละเอียด (ถือประวัติรักษาของที่เก่าไปด้วย) เลยจ่ายยากระตุ้นไข่ตกมาให้เริ่มทานวันนี้เลย...แล้วนัดให้มาพบแพทย์วันที่ 6 กันยายน เพื่อซาวน์ดูไข่ต
่อไป
5.ชำระเงินค่าบริการ ผู้ชาย ค่าพบแพทย์ 120 บาท ผู้หญิงค่าพบแพทย์ ค่าตรวจภายใน ค่ายา 500 บาท รอรับยา
6.นำบัตรคิวไปรับยาได้ Ovinum มา 5 เม็ด เริ่มทานได้เลยวันนี้ค่ะ

----เป็นอันเสร็จภาระกิจครั้งแรกของการรักษาเลยนะเนี่ย^^-----
คุณหมอให้มาตรวจ HIV - ซิฟิลิส และนำพบการตรวจไปด้วยในวันที่ 6 กันยา